หากพูดถึงทรัพย์สินที่มีค่า หลายคนอาจนึกถึงทรัพย์สินเงินทอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดที่แท้จริงนั้นคือ “ร่างกาย” ที่ทุกวันนี้เราใช้งานร่างกายหนัก แต่อาจละเลยการใส่ใจดูแล จนสุขภาพแย่ แก่ก่อนวัย และนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บตามมา
คงไม่มีใครอยากจะต้องใช้ทรัพย์สินที่หามาทั้งชีวิตเพื่อซื้อความสุขในบั้นปลายไปซื้อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา เพราะถึงตอนนั้นก็อาจจะสายเกินไป ถึงเวลาหันมาเริ่มต้นใส่ใจและดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ที่ยังไม่สาย เพราะร่างกายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด มารู้สาเหตุของความแก่ชรา และเคล็ดลับการมีสุขภาพดี เพื่อชีวิตที่ดีที่ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้ เพราะยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งดีต่อชีวิต
สารบัญ ร่างกายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด
สาเหตุของความแก่ชรา
ความชรานอกจากจะเกิดขี้นตามช่วงวัยแล้ว การละเลยการดูแลตัวเองก็อาจทำให้เป็นสาเหตุของความชราก่อนวัย หรือแก่ก่อนวัยได้ และยังมีอีกหลายปัจจัย ดังนี้
1.อนุมูลอิสระ
ปกติแล้วมนุษย์เราหายใจเข้าไปเพื่อเอาออกซิเจนไปเผาผลาญอาหารที่เรารับประทานเข้าไปให้เป็นพลังงาน นอกจากพลังงานแล้ว ออกซิเจนที่เหลือจะเป็นอิเล็กตรอนอิสระ ทำปฏิกิริยากับเซลล์อื่น ๆ ทำให้เกิดความเสื่อมสภาพ หยุดทำงาน ตาย หรือเป็นมะเร็งได้
2.ภาวะพร่องฮอร์โมน
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ร่างกายเคยสร้างก็จะสร้างน้อยลงเรื่อย ๆ เช่น ผู้หญิงพอเข้าวัยทอง ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะลดลง ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและกระดูกพรุนมากขึ้น
3.การอักเสบเรื้อรัง
การอักเสบเรื้อรังทำให้ร่างกายเสื่อมได้ ในคนที่อ้วน มีไขมันสะสมเยอะ เซลล์ไขมันจะปล่อยสารอักเสบออกมา ทำให้หลอดเลือดอักเสบ พอหลอดเลือดอักเสบก็จะมีไขมันไปเกาะที่หลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองตีบได้
4.ภาวะน้ำตาลสะสม
น้ำตาลสะสมเกิดจากการที่เรารับประทานน้ำตาล หรืออาหารจำพวกแป้งมาก ๆ พอถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาลไปแล้ว น้ำตาลจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกาย ทำให้โปรตีนหรือเซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพ เหมือนเอาเนื้อไปแช่ในน้ำหวานนาน ๆ เนื้อก็แปรสภาพก็ทำให้เซลล์เสื่อม
5.การสะสมของสารพิษ
สิ่งแวดล้อมภายนอกที่เราสัมผัสเต็มไปด้วยสารพิษ เช่น ควันบุหรี่ รังสี สารเคมี โลหะหนัก ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป พวกสารพิษต่าง ๆ จะไปสะสมที่เซลล์ ทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ
6.ภาวะเป็นกรด
ในทุก ๆ วัน ร่างกายจะมีการสร้างกรด ส่วนหนึ่งมาจากอาหารโปรตีนสูงที่เรารับประทาน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน ร่างกายจะปรับสมดุลของกรดเหล่านี้ให้กลับสู่ปกติ โดยตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนกรดบางชนิดให้เป็นด่าง ปอดจะช่วยขับกรดออกจากร่างกายในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์ และไตจะขับกรดออกทางปัสสาวะในรูปของแอมโมเนีย ดังนั้นภาวะเป็นกรดจะส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานหนักขึ้นและเสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ
7.ภาวะเสื่อมสภาพของเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์
เมื่ออายุมากขึ้น จะสังเกตได้ว่าเวลาที่ไม่สบายจะหายช้า ไม่เหมือนตอนที่เป็นเด็ก เพราะเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ (Stem Cells) มีการเสื่อมสภาพลง การซ่อมแซมจึงน้อยลงกว่าปกติ
7 เคล็ดลับสุขภาพและชีวิตที่ดี
เคล็ดลับสุขภาพดีมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ทั้งวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และวิธีทางการแพทย์ เพราะร่างกายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด ถึงเวลาปรับเปลี่ยนเพื่อการมีชีวิตที่ดีและยืนยาวด้วย 7 เคล็ดลับ ได้แก่
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ควรเข้านอนตั้งแต่ 22.00 น. เพราะกว่าจะนอนหลับสนิทต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง 24.00 น. จะเป็นเวลาที่เริ่มมีการผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ที่จะป้องกันความแก่ชรา ดังนั้นการนอนหลับสนิทก่อนเที่ยงคืน เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดความสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ รวมถึงโกรทฮอร์โมน (Growth Hormones) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเยาว์วัย ต่อต้านความชรา ฮอร์โมนนี้จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายในช่วงเวลาที่หลับสนิท หากนอนดึกหลังเที่ยงคืน ประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนจะลดลง
2. อาหารเช้า มื้อสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน เป็นรากฐานของการมีสุขภาพที่ดีและไม่แก่ชรา การไม่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายต้องใช้อาหารที่สะสมไว้ที่ตับและไขมัน ทำให้เกิดกรดแล็คติคที่จะไปทำลายอวัยวะต่าง ๆ ให้เสื่อมทีละน้อย
นอกจากนี้ควรหันมารับประทานอาหารหมวดคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแป้งเชิงซ้อน ซึ่งเป็นแป้งที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ ได้แก่ ข้าวไม่ขัดสี ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชต่าง ๆ ผัก มันและเผือก เนื่องจากแป้งเชิงซ้อนเป็นแป้งที่ย่อยได้ช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นเร็วมากนัก
และควรการเคี้ยวอาหารให้ช้าลง เพราะต้องใช้เวลาให้สมองรับรู้ว่าได้รับอาหารเช้าไปแล้วและส่งสัญญาณของความรู้สึกอิ่ม อีกทั้งปากยังเป็นอวัยวะที่มีการหลั่งน้ำย่อยที่จะใช้ย่อยแป้ง การเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดจะช่วยให้อาหารมีขนาดเล็ก เกิดการย่อยได้อย่างสมบูรณ์ ลดอาการท้องอืด
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายถือเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะเป็นการรักษาน้ำหนักที่ดีที่สุด ช่วยลดความดันโลหิต เพิ่มความเข้มแข็งให้กล้ามเนื้อหัวใจ ลดน้ำตาล ลดไขมันเลว เพิ่มไขมันดี ลดความเครียด โดยการออกกำลังกายที่ดีต้องมีครบทั้ง 3 ส่วน คือ
โดยควรออกกำลังกายให้ครบทั้ง 3 ส่วน อย่างต่อเนื่องประมาณ 30-40 นาที เพื่อเป็นการกระตุ้นการหลั่งของโกรทฮอร์โมน
4. จัดการกับอารมณ์และความเครียดให้เป็น
ความเครียดถือเป็นศัตรูตัวร้ายที่คอยบั่นทอนสุขภาพ เป็นสภาวะอารมณ์ที่ต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ จนเกิดความไม่สบายใจ วิตกกังวล และรู้สึกกดดัน หลายครั้งอาจเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว แต่แสดงออกมาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ หรือพฤติกรรม เช่น เครียดแล้วหงุดหงิดง่าย เครียดแล้วป่วยบ่อย หรือเครียดแล้วนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีจัดการกับอารมณ์และความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อการมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีในเวลาเดียวกัน
การจัดการกับอารมณ์และความเครียดทำได้หลายวิธี เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิฝึกจิตใจ ธรรมชาติบำบัด อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และงานอดิเรกที่ชอบ ตลอดจนการจัดสรรเวลาในชีวิตไม่ให้โฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือจมอยู่กับความเครียดมากจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างได้
การจัดการกับอารมณ์และความเครียดทำได้หลายวิธี เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิฝึกจิตใจ ธรรมชาติบำบัด อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และงานอดิเรกที่ชอบ ตลอดจนการจัดสรรเวลาในชีวิตไม่ให้โฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือจมอยู่กับความเครียดมากจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างได้
5.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด มะเร็งตับ การหลีกเลี่ยงหรือพยายามลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเหล่านี้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้มีสุขภาพดีขึ้น เพราะหากไม่รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ก็ย่อมเป็นการลดปัจจัยที่จะมาทำลายสุขภาพ
6.ตรวจสุขภาพประจำปี
บางคนอาจจะคิดว่าทำไมต้องตรวจสุขภาพประจำปี ไม่เห็นความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปี ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและแข็งแรงในทุก ๆ วัน เพราะการตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้รู้ว่ามีปัจจัยเสี่ยงอะไร และควรจะต้องดูแลสุขภาพอย่างไร เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ เพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที
7. สร้างความสมดุลฮอร์โมน ชะลอวัย
จากงานวิจัยในการเก็บระดับฮอร์โมนในร่างกายของคนเราตั้งแต่เกิดจนเข้าวัยชรา พบว่า ระดับฮอร์โมนของคนเราจะสูงสุดเมื่ออายุประมาณ 25 ปี แล้วหลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงและเกิดความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน ซึ่งนำไปสู่ภาวะเสื่อมของร่างกาย
ทั้งนี้ ด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ อย่างเวชศาสตร์ชะลอวัยทำให้เราคืนความอ่อนเยาว์สู่วัยหนุ่มสาวได้ ด้วยหลากหลายโปรแกรม
สรุป
ร่างกายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด รู้สาเหตุที่ทำให้แก่ชราก่อนชราก่อนวัย และเคล็ดลับสุขภาพดี ทั้งการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารเช้า การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การจัดการกับอารมณ์และความเครียด การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ การตรวจสุขภาพประจำปี และการสร้างความสมดุลฮอร์โมน ชะลอวัย เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ยืนยาว