ดูแลสุขภาพแนวใหม่กับแพทย์หญิงมะลิ

REGENERATIVE MEDICINE – ดูแลสุขภาพแนวใหม่ กับแพทย์หญิงมะลิ วิโรจน์สกุลชัย

        จากงานวิจัยในการเก็บระดับฮอร์โมนในร่างกายของคนเราตั้งแต่เกิดจนเข้าวัยชราพบว่า ระดับฮอร์โมนของคนเราจะสูงสุดเมื่ออายุประมาณ 25 ปี แล้วหลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดลงและเกิดความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน ซึ่งนำไปสู่ภาวะเสื่อมของร่างกาย

โรงพยาบาลแรกในประเทศไทยที่นำแนวคิดการดูแลรักษาสุขภาพแนวใหม่ (Regenerative Medicine เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ) มาใช้ร่วมกับการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบันอย่างแท้จริง “เราไม่เพียงรักษาโรค แต่เรานำเอานวัตกรรมทางการรักษาแนวใหม่มาเพื่อรักษาความเสื่อมของร่างกาย โดยให้การดูแลตั้งแต่ระดับที่ยังไม่เป็นโรค และดูแลสุขภาพแต่ละบุคคลแบบองค์รวมหรือสหวิทยาการโดยใช้เวชศาสตร์ของการดูแลสุขภาพหลายแขนงที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อการป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (NCDs) ที่ดีกว่า” “จากประสบการณ์ที่เป็นแพทย์อายุรกรรม และทำเรื่อง Anti-Aging มาร่วม 30 ปี ทำให้หมอเห็นว่าการดูแลคนไข้อายุรกรรมที่ป่วยหนักและเป็นโรคเรื้อรังถึงขั้นต้องเข้าไอซียู มักลงเอยด้วยอาการเป็นๆ หายๆ หรือไม่ก็เข้า
ไอซียูปีละครั้ง ต่อไปอาจเพิ่มเป็น 6 เดือนครั้ง 3 เดือนครั้ง หรือ เข้าไอซียูจนกระทั่งเสียชีวิตไป” “ดังนั้นจุดเปลี่ยนในการที่ทำให้หมอหันมาศึกษาเรื่อง ฮอร์โมนที่ต่อมาได้ใช้เป็นแนวทางในการรักษาความเสื่อม ของร่างกาย เริ่มต้นมาจากการได้ฟังบรรยายวิชาการ
เรื่องเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยมีนายแพทย์เทียรี เฮอร์ท็อค มาบรรยาย ซึ่งท่านเป็นแพทย์รุ่นที่ 4 ของตระกูลที่มีความเชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน ที่ใช้ฮอร์โมนกับคนไข้ที่เป็นโรคเรื้อรัง ตอนแรกที่ฟังก็มีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่า เชื่อว่าคนเราจะชะลอความแก่ได้
เพราะ พระพุทธเจ้าก็สอนมาว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นไปตามช่วงอายุ เป็นไปตามธรรมชาติ แต่เมื่อเปิดใจฟังเพื่อให้รู้จริงว่าเป็นไป ตามนั้นได้หรือไม่ ประกอบกับได้ติดตามไปฟังในงานประชุมวิชาการทั้งในอเมริกา และยุโรป อีกทั้งบินไปดูงานที่ประเทศเบลเยียม ปรากฏว่ามีคนไข้จากอเมริกาและ ทั่วโลกบินไปรักษากันมากมาย ที่เห็นชัดก็คือคนไข้เหล่านี้ค่อนข้างจะแข็งแรงมาก เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้หมอจึงมั่นใจและนำเวชศาสตร์ฟื้นสภาพมาใช้ในการรักษา” คุณหมอบอกว่าครั้งแรกได้นำมาใช้รักษาคนไข้แผลเบาหวานก่อน ซึ่งคนไข้ เหล่านี้มีเนื้อตายที่ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงไม่ได้ ในที่สุดก็มีการติดเชื้อและลุกลาม ทำให้ต้องตัดมือตัดเท้า แต่เมื่อวิทยาการนี้สามารถช่วยได้จึงนำมาใช้เพื่อช่วย รักษาคนไข้แผลเบาหวานจนหายขาดในที่สุด ส่วนการทดลองใช้เวชศาสตร์ฟื้นสภาพกับตนเองเกิดขึ้นเมื่อตอนคุณหมออายุ 40 ปีต้นๆ “ตอนนั้นหมอคลอดลูกคนที่ 4 มีความรู้สึกว่าอายุ 40 ปี
เราไม่เหมือนสมัย สาวๆ เลย ตื่นนอนตอนเช้าก็มักมีอาการปวดส้นเท้า หมอจึงทดลองใช้ฮอร์โมนเพื่อ รักษาตัวเอง ปรากฏว่าตื่นตอนเช้ารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า อาการปวดหายหมด จากนั้นก็เริ่มใช้กับญาติพี่น้องและใช้กับคุณแม่ของหมอซึ่งท่านเพิ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้ว ด้วยวัยเกือบ 100 ปี
คุณแม่เป็นโรคกระดูกพรุน เมื่อใช้ฮอร์โมนช่วยในการรักษาอาการ ปวดก็ดีขึ้นมาก จากนั้นหมอก็นำมาใช้กับคนไข้อายุรกรรมที่เป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่ เบาหวาน ความดัน หัวใจ ตับ ไต และหลังจากที่รักษาคนไข้มาประมาณ 20 กว่าปี เราเลยมั่นใจจึงมาเปิดโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ที่เปิดบริการเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว”

        โดยคุณหมอได้ขยายความถึงเวชศาสตร์ฟื้นสภาพไว้ว่า คือวิทยาการ แนวใหม่ในการที่จะทำให้คนอายุยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี Regenerative Medicine เป็นเวชศาสตร์ฟื้นสภาพตรงข้ามกับ Degenerative Disease ที่เป็นความเสื่อมของ ร่างกาย ดังนั้นเมื่อร่างกายคนเราเสื่อมจึงต้องมีการซ่อมแซม “จริงๆ แล้วคนเรา สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตลอดชีวิต คนเราที่เติบโตเต็มที่เมื่ออายุ 25 ปี ซึ่งเป็น ช่วงที่ร่างกายคนเราจะมีระดับฮอร์โมนสูงสุด จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป อายุมากขึ้น ฮอร์โมนทุกตัวจะลดลงซึ่งก็เป็นที่มาของความทรุดโทรมของร่างกาย โดยสามารถ มองเห็นจากภายนอกได้ และส่วนภายในที่มองไม่เห็นก็จะต้องมีการตรวจ อย่างละเอียด” “หลักการของฮอร์โมนในการซ่อมแซมความเสื่อม เราหวังผลไว้ 3 อย่าง ด้วยกัน 

คือ อย่างแรกเราต้องการให้ฟังก์ชัน คือการทำหน้าที่ของร่างกายกลับมา ก่อน อาการไม่สบายจะหายไป เช่น อาการปวดเมื่อย หงุดหงิด นอนไม่หลับ เมื่อ อาการต่างๆ เหล่านี้หายไปก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สองคือการซ่อมแซมระบบ ต่างๆ ในร่างกายซึ่งต้องใช้เวลาแล้วแต่ใครจะเสื่อมตรงไหน และสาม เมื่อฟังก์ชัน กลับมา มีการซ่อมแซมระบบต่างๆ ในร่างกายได้แล้ว คนไข้ก็จะเป็นหนุ่มเป็นสาว เป้าหมายสุดท้ายคือเราต้องการให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อายุยืน มีคุณภาพชีวิตที่ดี” “ทั้งนี้การรักษาโรคเบื้องต้นทางด้าน Regenerative Medicine หากกล่าวให้ เข้าใจง่ายๆ ก็คือการปรับระดับฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนเป็นสารที่สร้างขึ้นโดยต่อม ไร้ท่อภายในร่างกาย แล้วหลั่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงเพื่อนําไปยังส่วนต่างๆ ไป ควบคุมการทางานของร่างกายให้มีความสมดุล และมีระดับเพียงพอในการทำให้ “ร่างกายทำงานและซ่อมแซมได้ปกติ” “โดยร่างกายคนเรามีระบบอวัยวะประมาณ 10-12 ระบบ แต่มีระบบที่สำคัญ หลักๆ 2 ระบบ เป็นแกนกลางในการประสานงาน ได้แก่ ระบบประสาท มีหน้าที่สั่งการให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ ทำให้ร่างกาย ทำงานได้อย่างฉับพลันและระบบฮอร์โมนที่มีหน้าที่รับคำสั่ง ต่อจากระบบประสาทในการทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสมดุล ซึ่งฮอร์โมนก็คือสารที่ร่างกายสร้างเองจากอวัยวะต่อมไร้ท่อ ภายในร่างกาย แล้วส่งเข้าไปในกระแสเลือดไปทั่วร่างกาย โดยรวมแล้วฮอร์โมนมีหน้าที่หลายอย่าง

1. การกระตุ้นให้เซลล์ทำงาน ให้อวัยวะทำงาน ทำให้ร่างกายทำหน้าที่ต่างๆได้
เช่น กล้ามเนื้อ สมอง หัวใจ กระเพาะ ลำไส้ทำงานได้
2. ซ่อมแซมร่างกาย ถ้าร่างกายมีฮอร์โมนสมดุลก็ซ่อมแซมได้ดี แต่เมื่อฮอร์โมนเริ่มเสื่อมไม่สมดุล การซ่อมแซมจะไม่ทันกับการทำงานของร่างกายส่งผลให้ร่างกายเกิดความเสื่อมลงวิธีการของเราก็จะมาดูว่าฮอร์โมนของแต่ละคน อันไหนลดมากกว่าอันไหน แล้วเราก็เสริมฮอร์โมนนั้นๆ ให้ เพื่อให้เกิดภาวะสมดุล ร่างกายก็จะฟื้นกลับคืนมา”
“สำหรับวิธีการรักษาในขั้นตอนแรกเมื่อคนไข้มาหาเราต้องมีการคัดกรอง ประเมินสุขภาพ เพื่อหาความเสื่อม และ โรคแทรกซ้อนก่อน เมื่อประเมินคนไข้แล้วจึงเริ่มด้วยการรักษา ถ้าคนไข้อยู่ในภาวะที่สุขภาพดี เราจะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แต่ถ้าคนไข้เริ่มมีความเสื่อม

        เราก็จะทำหน้าที่ซ่อมแซมให้ หรือถ้าคนไข้มีโรคก็ต้องรักษาโรคด้วย เมื่อทราบว่าคนไข้อยู่ในระดับไหนก็จะมีการวางแผนการรักษาตามเป้าหมายที่ต้องการร่วมกัน” อย่างไรก็ตามหลายคนยังมีความกังวลว่าฮอร์โมนที่ให้จะทำให้เกิดอันตรายหรือไม่ คุณหมอชี้แจงว่า “วิธีการใช้ฮอร์โมนที่ได้ประโยชน์และปลอดภัยนั้นต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี โดยเราใช้ฮอร์โมนธรรมชาติเรียกว่า Human Hormone หรือ Bioidentical Hormone หมายถึงฮอร์โมนที่ร่างกายเราเคยมีตอนหนุ่มสาวอย่างไร เราก็ผลิตออกมาอย่างนั้น ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายและ
สามารถใช้ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเราจะใช้ขนาดจนวนตามสรีรวิทยาและใช้ฮอร์โมนร่วมกันหลายตัวแบบสมดุลทำให้ปลอดภัยและเกิดผลดีมหาศาล”